กำลังสร้างบ้านแต่สงสัยว่าอิฐมวลเบาและอิฐแดงต่างกันยังไง เป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัยกันมากที่สุด
บทความนี้เราจะมาบอกคุณสมบัติของอิฐที่ผู้รับเหมาใช้กันมากที่สุด
อิฐมวลเบาเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?
อิฐมวลเบา เหมาะกับการใช้งานโซนที่ไม่ได้รับความชื้นโดยตรงเช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องรับแขก และวิธีก่อฉาบจำเป็นต้องใช้วัสดุเฉพาะเกี่ยวกับอิฐมวลเมาเท่านั้นเช่น พุกที่ใช้ในการยึดหรือเจาะ ปูนสำหรับก่ออิฐมวลเบา เป็นต้น
ข้อดีของ อิฐมวลเบา
- มีน้ำหนักเบากว่าชนิดอื่นๆ ประหยัดระยะเวลาในการก่อสร้าง
- สามารถกันไฟได้นานถึง 4 ชั่วโมง
- เก็บเสียงได้มากถึง 35-38 เดซิเบล (น้อยกว่าอิฐมอญ 5-8 เดซิเบล)
- ระบายความร้อนได้ดี เพราะตัวอิฐมวลเบา มีโครงสร้างที่เป็นรูอากาศจำนวนมาก
ข้อเสียของ อิฐมวลเบา
- ไม่เหมาะกับการสร้างบริเวณที่มีความชื้นสูงเช่น ห้องน้ำ หรือจุดที่โดนความชื้นหรือน้ำบ่อยๆ เพราะโครงสร้างที่เป็นรูอากาศจึงทำให้ไม่ทนความชื้นมากนัก
- ราคาอิฐชนิดนี้สูงกว่าชนิดอื่นๆมาก
- ใช้ช่างที่ชำนาญและวัสดุที่ใช้สำหรับอิฐมวลเบาเท่านั้น
อิฐแดง หรือ อิฐมอญ เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?
อิฐแดง/มอญ อิฐชนิดนี้ข้อได้เปรียบคือเหมาะกับงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตึกอาคาร บ้านที่พักอาศัย และยังสามารถทำอิฐก่อโชว์ได้เนื่องจากมีสีและผิวสัมผัสที่แตกต่าง และยังรองรับความชื้นได้ดีกว่าอิฐมวลเบา และเหมาะกับบ้านที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น
ข้อดีของ อิฐมอญ
- มีมวลที่หนาแน่นกว่า ทนต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก
- เก็บเสียงได้มากถึง 40-45 เดซิเบล
- ราคาถูกกว่าอิฐชนิดอื่นๆ
- ช่างทั่วไปสามารถก่ออิฐได้ เพราะมีความชำนาญและคุ้นเคยมากกว่า
- รับน้ำหนักได้ 30-35 กิโลกรัม/ต่อตารางเซนติเมตร หากติดตั้งอย่างถูกวิธี
ข้อเสียของ อิฐมอญ
- มีขนาดเล็กทำให้ใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนาน
- ระหว่างขนส่ง อาจทำให้แตกหักง่าย
- สะสมความร้อนเพราะมีมวลที่หนาแน่นสูง
สรุปข้อดี-ข้อเสีย ของอิฐมวลเบาและอิฐมอญ
อิฐแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกัน ถ้าฝั่งไหนโดนแดด ผมแนะนำว่าให้ใช้อิฐมวลเบาหรือเบิ้ลผนังเป็นสองชั้น การป้องกันเสียงจะขึ้นอยู่กับขนาดของอิฐและการก่อฉาบด้วย ซึ่งบ้านสมัยนี้ มักใช้อิฐ 2 ประเภทนี้ผสมกันอยู่แล้ว แต่ถ้าปัญหาของลูกค้าคือความร้อนและเสียงด้วย ควรใช้ ฉนวนกันความร้อน ใส่เข้าไปด้วย