กระทู้นี้จะมาสอนวิธีดูวัสดุโครงสร้างฉบับเข้าใจง่ายและมักจะเป็นส่วนที่ผู้รับเหมาก่อสร้างบางรายโกงในส่วนนี้มากที่สุด เพราะว่าเหล็กเกรด A (มอก.) และ เหล็กเกรด B ที่ผู้รับเหมามักแอบใช้จะมีราคาที่ค่อนข้างแตกต่างชัดเจน ผู้รับเหมาส่วนใหญ่จึงเซฟคอสเพื่อเอากำไรเพิ่มในส่วนนี้โดยไม่แจ้งเจ้าของบ้านให้ทราบและคนที่ไม่มีความรู้อย่างเรา ยังดูแทบไม่ออก
เหล็กข้ออ้อย เหล็กกล่อง จุดสังเกตของเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก.
ในการตรวจสอบว่า เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้น และ เหล็กกล่อง ได้มาตรฐาน TIS หรือ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือไม่นั้น สามารถสังเกตได้จากลักษณะและข้อมูลที่กำกับบนเหล็กดังนี้
เหล็กแต่ละชนิดจะมีเลข มอก. ที่แตกต่างกันดังนี้
- เหล็กเส้นกลม มอก. 20-2559
- เหล็กข้ออ้อย มอก. 24-2559
- เหล็กกล่อง มอก. 107-2533 (สำหรับเหล็กกล่องสี่เหลี่ยม)
- มอก. 1228-2549 (สำหรับเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมแบน)
ตราสัญลักษณ์ มอก. บนเหล็ก (โดยจะมีตราประทับเป็นผิวนูนบนเหล็ก)
- เหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. จะต้องมีตราสัญลักษณ์ มอก. กำกับอย่างชัดเจนบนตัวเหล็กด้านใดด้านหนึ่ง
- เลขมาตรฐาน มอก. จะระบุอยู่ในรูปแบบเช่น “มอก. 20-2559” ซึ่งหมายถึงประเภทและปีที่มาตรฐานนั้นได้รับการอัปเดต เช่น
รหัสการผลิตและข้อมูลจากโรงงานบนตัวเหล็ก
- เหล็กที่ได้มาตรฐานจะต้องมีรหัสการผลิตหรือชื่อโรงงานกำกับไว้เพื่อยืนยันแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรองจากสมอ.
(สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) - โรงงานที่ได้รับอนุญาตมักจะระบุรายละเอียดเช่น วันเดือนปีที่ผลิต ขนาดของเหล็ก เช่น SD40 หรือ SD50 สำหรับเหล็กเส้น
น้ำหนักและขนาดของเหล็ก
- เหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. จะมีขนาดและน้ำหนักตรงตามที่กำหนด เช่น เส้นผ่านศูนย์กลาง ความหนา หรือความยาวของเหล็ก โดยควรมีน้ำหนักตามสเปกมาตรฐานที่ มอก. กำหนด เช่น เหล็กเส้นขนาด 10 มม. ควรมีน้ำหนักประมาณ 0.62 กิโลกรัมต่อเมตร
การตรวจสอบทั้งหมดนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้รับเหมามีความเป็นมืออาชีพ และเหล็กที่ใช้มีมาตรฐานและคุณภาพเหมาะสมสำหรับการก่อสร้าง
เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานหรือ เหล็กเกรดB ต่างกับเหล็ก มอก. อย่างไร
คุณภาพและมาตรฐานการผลิต
- ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอเหมือนเหล็ก มอก. เช่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอาจไม่ได้มาตรฐาน ความแข็งแรงต่ำกว่ากำหนด หรือมีรอยสนิมและน้ำหนักที่ไม่ผ่านผ่านเกณฑ์ จึงไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง
ความแข็งแรงและความปลอดภัย
- มีความแข็งแรงและความทนทานต่ำกว่า จึงมักใช้ในงานรองหรืองานที่ไม่รับน้ำหนักมาก เช่น งานตกแต่งเล็ก ๆ หรืองานที่ไม่ต้องรับแรงโครงสร้างโดยตรง
ราคา
- ราคาถูกกว่า เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่เข้มงวดหรือไม่ผ่านเกณฑ์ของโรงงาน เท่าเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก.
สรุปวิธีดูคุณภาพของเหล็ก
เหล็กเกรด B ก็ยังสามารถใช้งานได้แต่ไม่เหมาะกับงานที่มีโครงสร้างที่ใหญ่และความแข็งแรงมากนัก ยกเว้นเจ้าของบ้านจะประหยัดเงิน แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของวิศวกรเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและการรับน้ำหนักของตัวบ้านอีกที
ใครที่สร้างบ้านกับ Panlerd Construction มั่นใจและตรวจสอบได้เลยว่า เหล็กทุกเส้นที่ใช้ต้องผ่าน มอก. เท่านั้น
เพื่อให้ลูกค้าสบายใจว่า บ้านจะได้โครงสร้างที่มีความปลอดภัยแข็งแรงและได้มาตรฐาน ถ้ามือใหม่อยากสร้างบ้านแต่กลัวโดนผู้รับเหมาเอาเปรียบให้ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย วิธีเตรียมตัวก่อน สร้างบ้าน