Skip to content

ผนัง Precast ดีไหม? รู้ข้อดี-ข้อควรระวัง และประเภทที่ควรรู้ก่อนสร้างบ้าน

เคยเห็นไซต์ก่อสร้างบ้าน คอนโด หรืออาคารสูง แล้วมีแผ่นปูนขนาดใหญ่ถูกยกมาวางเรียงต่อกันเหมือนจิ๊กซอว์มั้ยครับ? นั่นแหละคือ “ผนัง Precast” หรือคอนกรีตสำเร็จรูป วัสดุยอดนิยมที่ช่วยให้ก่อสร้างเร็ว แข็งแรง และแม่นยำขึ้นอย่างมาก

แต่รู้ไหมครับว่าผนัง Precast ไม่ได้มีแค่แบบเดียว และถ้าเลือกใช้ไม่ถูกกับโครงสร้างบ้านหรืออาคาร อาจนำไปสู่ปัญหาตามมาทีหลังได้เลย วันนี้ผมเลยอยากพามาทำความรู้จักแบบละเอียด ว่าผนัง Precast มีกี่ประเภท ใช้ต่างกันยังไง และควรระวังเรื่องอะไรบ้างก่อนตัดสินใจครับ

และถ้าคุณกำลังวางแผนก่อสร้างบ้านหรืออาคารโดยใช้ระบบ Precast อย่าลืมว่าการมีทีมงานรับเหมาก่อสร้างที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้มาก ลองดูรายละเอียดเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างจนถึงงานตกแต่งได้ที่หน้า

ผนัง Precast คืออะไร?

ผนัง พรีคาสท์ หรือ Precast Concrete Wall คือแผ่นคอนกรีตที่ผลิตสำเร็จจากโรงงาน โดยมีการหล่อในแม่พิมพ์ พร้อมใส่เหล็กเสริมไว้ภายในตามตำแหน่งที่กำหนด แล้วนำมาประกอบเข้ากับโครงสร้างที่หน้างาน

ข้อดีของวิธีนี้คือ ควบคุมคุณภาพได้ดี เพราะผลิตในสภาพแวดล้อมที่มีมาตรฐาน ลดการใช้แรงงาน onsite และลดเวลาในการก่อสร้างได้มาก เพราะไม่ต้องก่ออิฐ ฉาบปูนหน้างานแบบเดิม

ผนัง Precast มีกี่ประเภท?

โดยทั่วไป ผนัง Precast ที่ใช้ในงานก่อสร้างจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

ผนัง Precast แบบรับแรง (Load-Bearing Wall)

ผนังประเภทนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอาคารโดยตรง มีหน้าที่รับน้ำหนักจากชั้นบนหรือจากโครงสร้างด้านบน เช่น หลังคา หรือพื้นชั้นถัดไป ใช้เหล็กเสริมขนาดใหญ่ภายใน และต้องออกแบบตามหลักวิศวกรรมที่แม่นยำ

วัสดุที่ใช้จะเป็นคอนกรีตหล่อเต็มแผ่น เสริมเหล็กเส้นขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถรองรับแรงได้สูง มักมีความหนามากกว่าผนังทั่วไป และต้องใช้เครนในการยกติดตั้งเข้ากับโครงสร้างที่เตรียมไว้ มักใช้ในผนังภายนอกอาคาร แกนกลางของอาคารสูง หรือผนังที่ต้องการความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ

ผนัง Precast แบบไม่รับแรง (Non-Load Bearing Wall)

ผนังประเภทนี้จะไม่ได้รับแรงจากโครงสร้างด้านบน ใช้เพียงแค่แบ่งพื้นที่ เช่น ผนังกั้นห้อง ผนังระหว่างยูนิตในคอนโด หรือผนังภายในบ้าน

วัสดุจะเบากว่า มักหล่อให้บางลงกว่าผนังแบบรับแรง หรือใช้แบบกลวงตรงกลางเพื่อลดน้ำหนัก เหล็กเสริมภายในมีขนาดเล็กกว่า และไม่ได้มีบทบาทต่อโครงสร้างหลักของอาคารโดยตรง

เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในหรืออาคารที่ต้องการความรวดเร็วในการก่อสร้าง และไม่ต้องรับแรงโครงสร้างหรือที่ภาษาเฉพาะชอบเรียกกันว่า ผนังคอนกรีตมวลเบา หรืออีกชื่อที่เรามักเจอบ่อยคือ Texcawall

ข้อดีของผนัง Precast

  • ลดเวลาการก่อสร้าง เพราะไม่ต้องก่ออิฐ ฉาบปูนหน้างาน

  • ควบคุมคุณภาพได้ดี เพราะผลิตจากโรงงาน

  • ผิวงานเรียบเนียน ลดขั้นตอนการฉาบ

  • มีความแข็งแรงมากกว่าผนังเบาทั่วไป

  • ใช้แรงงาน onsite น้อยลง เพราะติดตั้งด้วยเครื่องจักร

ข้อควรระวังของผนัง Precast

  • ต้องวางแผนและออกแบบตั้งแต่ต้น เพราะผลิตจากโรงงานแล้วไม่สามารถปรับหน้างานได้ง่าย

  • ขนาดต้องเป๊ะ เพราะต้องสั่งโรงงานผลิต

  • การเจาะผนังเพื่อแขวนของ ต้องใช้พุกเฉพาะของผนัง Precast

  • น้ำหนักมาก ต้องใช้เครนติดตั้งและมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการขนย้าย

  • หากติดตั้งไม่ดี อาจมีปัญหาน้ำรั่วตามรอยต่อระหว่างแผ่น

สรุป ผนัง Precast เหมาะกับงานแบบไหน ?

ถ้าคุณกำลังจะสร้างบ้าน อาคารพาณิชย์ หรือโครงการที่ต้องการความเร็วและคุณภาพที่สม่ำเสมอ ผนัง Precast ถือว่าเหมาะมาก เพราะช่วยให้ก่อสร้างรวดเร็ว และควบคุมต้นทุนได้ดี

แต่ถ้าคุณต้องการปรับแบบก่อสร้างระหว่างทาง หรือต้องการอิสระในการออกแบบที่ไม่ตายตัว ผนังชนิดนี้อาจไม่เหมาะนัก เพราะเป็นระบบสำเร็จรูปที่ปรับเปลี่ยนได้น้อย และหากผิดพลาดอาจเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ ผนัง Precast ใช้เฉพาะอาคารใหญ่จริงไหม? เหมาะกับโครงการแบบไหนกันแน่

แชร์บทความ

บทความที่เกี่ยวข้องในการดูแลและสร้างบ้าน