ฉนวนกันความร้อน มีกี่ประเภทแล้วแบบไหนคุ้มที่สุด ?

ฉนวนกันความร้อน เป็นวัสดุที่เหมาะกับประเทศไทยเป็นอย่างมาก และเริ่มใช้อย่างแพร่หลายในบ้านสมัยใหม่ หรือที่เราชอบเรียกกันว่า แผ่นกันความร้อน แต่รู้ไหมว่าทุกชนิด มี ข้อดี-ข้อเสีย วันนี้เราจะมาบอกแล้วสรุปว่าแต่ละประเภทของฉนวนกันความร้อน ควรใช้แบบไหน แล้วเราจำเป็นต้องติดตั้งไหม

ฉนวนกันความร้อนใยแก้ว (Fiberglass Insulation)

คุณสมบัติ: ทำจากเส้นใยแก้วขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติไม่ติดไฟ

ข้อดี: ฉนวนใยแก้ว

  • กันความร้อนและลดเสียงได้ดี

  • ติดตั้งง่ายเหมือนกับฉนวนใยหิน

  • ไม่ติดไฟ

ข้อเสีย: ฉนวนใยแก้ว

  • อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนังหรือระบบทางเดินหายใจ หากสัมผัสโดยตรง

  • ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันขณะติดตั้งและช่างผู้เชี่ยวชาญ

วิธีใช้งาน

วางในโครงสร้างผนัง หลังคา หรือเพดาน ใช้ร่วมกับแผ่นพลาสติกเพื่อเพิ่มการกันความชื้น

ฉนวนกันความร้อนโฟม (Foam Insulation)

ชนิดของฉนวนกันความร้อน มี 2 ชนิดคือ โฟมโพลียูรีเทน (Polyurethane) และ โฟมโพลีสไตรีน (Polystyrene : EPS/XPS)

คุณสมบัติ: มีน้ำหนักเบาและค่าการป้องกันความร้อนสูงในบางประเภท

ข้อดี: ฉนวนโฟม

  • กันความร้อนและความชื้นได้ดี

  • ติดตั้งง่าย และมีความทนทาน

  • โฟม XPS มีความหนาแน่นสูงกว่าจึงรับน้ำหนักได้ดี

  • มีชนิดที่กันไฟและไม่กันไฟ

ข้อเสีย: ฉนวนโฟม

  • โฟมบางประเภทอาจติดไฟได้

  • บางประเภทไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความร้อนสูงมาก

วิธีใช้งาน

ใช้ปูพื้นในบางพื้นที่ ติดตั้งในโครงผนัง หรือใต้หลังคาสามารถตัดโฟมให้พอดีกับพื้นที่ที่ต้องการได้

ฉนวนกันความร้อนใยหิน (Rockwool Insulation)

คุณสมบัติ: ทำจากเส้นใยหินบะซอลต์ ทนความร้อนสูง และไม่ติดไฟ

ข้อดี: ฉนวนใยหิน

  • ทนต่อไฟ และลดเสียงได้ดีเยี่ยม

  • เหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความปลอดภัยจากไฟ

  • มีขายตามท้องตลาดเยอะ ช่างติดตั้งได้ง่าย

ข้อเสีย: ฉนวนใยหิน

  • น้ำหนักมากกว่าฉนวนใยแก้ว

  • กักเก็บความชื้นได้ง่าย

วิธีใช้งาน

ติดตั้งในผนัง เพดาน หรือหลังคา โดยเฉพาะอาคารที่ต้องการลดเสียงรบกวน และเหมาะสำหรับโรงงาน หรืออาคารพาณิชย์

ฉนวนกันความร้อนอลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminum Foil Insulation)

คุณสมบัติ: สะท้อนรังสีความร้อน น้ำหนักเบา และบาง

ข้อดี: ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์

  • ติดตั้งง่าย และราคาถูก

  • ทนทานต่อความชื้นและไม่ขึ้นรา

  • ใช้ได้ทั้งในบ้านและอาคารโรงงาน

ข้อเสีย: ฉนวนอลูมิเนียมฟอยล์

  • กันความร้อนได้เฉพาะรังสี (Radiant Heat) แต่ไม่กันความร้อนจากการนำหรือพา

  • ไม่ป้องกันเสียงรบกวน

วิธีใช้งาน

ปูใต้แผ่นหลังคาเพื่อสะท้อนความร้อนใช้ร่วมกับฉนวนประเภทอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ฉนวนกันความร้อนเยื่อกระดาษ (Cellulose Insulation)

คุณสมบัติ: ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลที่ผ่านการบดย่อย ผสมสารกันไฟ

ข้อดี: ฉนวนเยื่อกระดาษ

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • กันความร้อนได้ดีและลดเสียงรบกวน

  • ใช้ได้ในพื้นที่ซับซ้อน เช่น ฝ้าเพดาน

ข้อเสีย: ฉนวนเยื่อกระดาษ

  • อาจเสื่อมประสิทธิภาพได้ง่ายเมื่อโดนน้ำหรือความชื้น

  • ติดตั้งยากกว่าเมื่อเทียบกับฉนวนแบบอื่นๆ

วิธีใช้งาน

ฉีดพ่นหรืออัดเข้าในช่องว่างของผนัง ฝ้าเพดาน หรือพื้นบ้าน ถ้าชนิดเป็นแผ่นสามารถตัดให้เข้ารูปตามมุมของ

ฉนวนกันความร้อนชนิดพ่นโฟม (Spray Foam Insulation)

คุณสมบัติ: ฉนวนกันความร้อน ชนิดพ่นโฟม เมื่อพ่นเสร็จจะมีการขยายตัวเพื่อปิดช่องว่างต่างๆ

ข้อดี: ฉนวนพ่นโฟม

  • กันความร้อนได้ดีมาก และป้องกันการรั่วของอากาศ

  • ใช้ได้กับพื้นที่เข้าถึงยาก เช่น ซอกเล็ก ๆ

ข้อเสีย: ฉนวนพ่นโฟม

  • ราคาสูง

  • ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง

  • ติดไฟค่อนข้างง่าย

วิธีใช้งาน

พ่นโฟมลงในพื้นที่ที่ต้องการ เช่น ช่องว่างในผนัง หลังคา หรือบริเวณขอบหน้าต่าง

สรุปการเลือกใช้งาน ฉนวนกันความร้อน

การเลือกใช้ชนิดของ ฉนวนกันความร้อน หรือ แผ่นกันความร้อน ควรพิจารณาจากจุดประสงค์และความเหมาะสมในการใช้งาน ว่าบ้านหรืออาคารที่เราอยู่เหมาะกับฉนวนประเภทใด ฉนวนกันความร้อนที่หาได้ง่ายที่สุดในไทยมักจะเป็น ฉนวนใยหิน อลูมิเนียม ใยแก้ว ถ้าที่พักอาศัยไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน และ เสียงรบกวน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฉนวนตามที่กล่าวมานี้ก็ได้

**ฉนวนทุกชนิดควรเลือกซื้อวัสดุที่ได้มาตรฐานรองรับ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน