สร้างบ้านต้องรู้! วัสดุก่อสร้าง ที่ผู้รับเหมาใช้มีอะไรบ้าง?

การสร้างบ้านหรืออาคารให้แข็งแรง ทนทาน และปลอดภัย ต้องอาศัยการเลือกใช้ วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม โดยวัสดุแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งความแข็งแรง การรับน้ำหนัก และความทนทานต่อสภาพแวดล้อม วันนี้เราจะพามาดู วัสดุก่อสร้างหลักที่ใช้ในโครงสร้าง และการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานก่อสร้างแต่ละประเภท เพื่อให้เจ้าของบ้านรู้ทันผู้รับเหมา

วัสดุก่อสร้างหลักที่ใช้ในโครงสร้าง

1. คอนกรีต (Concrete) – วัสดุหลักของงานโครงสร้าง

คอนกรีตถือเป็นพระเอกของงานก่อสร้าง เพราะเป็นวัสดุที่ใช้สำหรับฐานราก เสา คาน และพื้นบ้าน มีคุณสมบัติแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี และทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถใช้ร่วมกับเหล็กเสริมเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้โครงสร้างบ้านหรืออาคาร แต่ คอนกรีต ก็มีความแข็งแรงหลายระดับเช่นกัน

2. เหล็ก (Steel) – กระดูกสันหลังของอาคาร

เหล็กเป็นวัสดุที่ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้าง ใช้ร่วมกับคอนกรีตในการทำเสา คาน และโครงหลังคา ช่วยให้โครงสร้างอาคารสามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น และยังช่วยให้สามารถออกแบบอาคารให้มีพื้นที่กว้างโดยไม่ต้องใช้เสากลางเยอะ
ผมวิธีดู คุณภาพเหล็ก ว่าผู้รับเหมาที่เราจ้างใช้ที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือไม่

จะรู้ได้ยังไงว่าเหล็กที่ผู้รับเหมาสร้างบ้านให้เรามีมาตรฐานไหม: วิธีดูคุณภาพเหล็กฉบับเข้าใจง่าย

3. ไม้แบบ – วัสดุสำคัญสำหรับงานเข้าแบบก่อนเทปูน

ไม้แบบเป็นวัสดุที่ใช้สำหรับการขึ้นรูปโครงสร้างคอนกรีตก่อนที่จะเทปูนลงไป โดยจะทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์เพื่อให้คอนกรีตเซ็ตตัวตามรูปแบบที่ต้องการ สามารถใช้ได้ทั้งในงานฐานราก เสา คาน และพื้น เมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้ว ไม้แบบสามารถถอดออกได้ ถ้าโครงสร้างหรือเสาที่มีขนาดใหญ่ จะใช้แบบเหล็ก ตามภาพครับผม เพื่อให้รองรับแรงดันและน้ำหนักของปูนที่เทลงไปในแบบ 

4. อิฐ (Brick) – วัสดุสร้างผนังที่ขาดไม่ได้

อิฐเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการก่อสร้างผนัง ไม่ว่าจะเป็นอิฐมอญหรืออิฐมวลเบา ทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งพื้นที่ภายในอาคารและช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างบ้าน โดยอิฐมอญให้ความแข็งแกร่งและทนทาน ส่วนอิฐมวลเบามีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และช่วยกันความร้อนได้ดี

5. กระเบื้องและวัสดุหลังคา (Roofing Materials) – ปกป้องบ้านจากแดดและฝน

หลังคาเป็นส่วนที่ช่วยปกป้องบ้านจากสภาพอากาศ ซึ่งมีวัสดุให้เลือกหลากหลาย เช่น กระเบื้องซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิก เมทัลชีท หรือแม้แต่แผ่นโพลีคาร์บอเนต ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความทนทาน ความสวยงาม และการระบายความร้อนของแต่ละบ้าน

การเลือกวัสดุก่อสร้างให้เหมาะกับโครงสร้างบ้าน

  • โครงสร้างหลัก: ควรเลือก คอนกรีตและเหล็ก เพื่อความแข็งแรงและทนทานเช่น เหล็ก มอก.

  • ผนัง: อิฐมอญหรืออิฐมวลเบา เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบ้านพักอาศัย

  • หลังคา: เลือกวัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น กระเบื้องซีเมนต์หรือเมทัลชีท

  • พื้นและตกแต่ง: พื้นไม้หรือกระเบื้อง สามารถเลือกให้เข้ากับสไตล์บ้านได้

สรุป วัสดุก่อสร้างที่เหมาะกับงานโครงสร้างของบ้านเรา

การเลือกวัสดุก่อสร้างให้ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้เราควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างบ้าน ในกรณีที่เราต้องจ้างผู้รับเหมาเอง เราต้องการให้ลูกค้าทุกท่านมีความรู้เกี่ยวกับวัสดุต่างๆ เพื่อให้รู้ทันกลโกงหรือผู้รับเหมาที่เอาเปรียบได้

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างและสร้างบ้านได้อย่างสบายใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทรับสร้างบ้าน

ฝ้าเพดานแต่ละแบบต่างกันยังไง? เลือกผิดอาจต้องรื้อใหม่ทั้งหลัง!

ในการสร้างบ้านหรือรีโนเวตบ้านสักหลัง หลายคนให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ วัสดุปูพื้น หรือสีผนัง
แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามก็คือ “ฝ้าเพดาน” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นส่วนที่สำคัญมาก ทั้งในเรื่องของฟังก์ชัน ความสวยงาม และงบประมาณ

รู้หรือไม่? เลือกฝ้าเพดานผิด ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยกันร้อนหรือชื้น แต่อาจทำให้ต้อง “รื้อออก” และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว!

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จัก ฝ้าเพดานยอดนิยม 5 แบบ พร้อมข้อดี–ข้อเสีย และ ราคาค่าแรงโดยประมาณ เพื่อให้คุณเลือกได้ถูกต้องตั้งแต่แรกแบบไม่ต้องเสียใจภายหลัง

ฝ้าเพดานคืออะไร? ทำไมต้องใส่ใจให้มากกว่าความสวยงาม

ฝ้าเพดาน คือแผ่นปิดโครงสร้างหลังคาหรือพื้นชั้นบน ที่อยู่เหนือศีรษะของเรา
นอกจากความสวยแล้ว ฝ้ายังช่วย

  • ซ่อนงานระบบไฟฟ้า ท่อน้ำ สายสัญญาณต่าง ๆ

  • ปรับอุณหภูมิภายในบ้าน ช่วยกันร้อนและลดเสียงสะท้อน

  • เพิ่มมูลค่าบ้านให้ดูเรียบร้อยและน่าอยู่ขึ้น

หากเลือกชนิดไม่เหมาะกับพื้นที่ เช่น ห้องน้ำ หรือห้องครัว ก็อาจทำให้ฝ้าชื้น พอง หรือเป็นเชื้อราจนต้องรื้อใหม่ ดังนั้นการเลือกฝ้าให้ “ตรงจุด” คือสิ่งที่เจ้าของบ้านทุกคนควรให้ความสำคัญ

5 แบบฝ้าเพดานยอดนิยม พร้อมข้อดี–ข้อเสีย (รวมราคาประเมิน)

1. ฝ้ายิปซัม (Gypsum Ceiling)

ข้อดี

  • ผิวเรียบเนียน สวยงาม เหมาะกับการทาสีตกแต่ง

  • ราคากลาง ๆ หาช่างติดตั้งง่าย

  • สามารถเสริมฉนวนกันความร้อนเพิ่มเติมได้

ข้อเสีย

  • ไม่ทนชื้น หากโดนน้ำอาจบวม งอ หรือขึ้นรา

  • ไม่เหมาะกับห้องน้ำหรือครัว

ราคาโดยประมาณ (รวมค่าแรง) 250 – 400 บาท/ตร.ม.
เหมาะกับ ห้องนอน ห้องรับแขก พื้นที่แห้งภายในบ้าน บางแบรนด์มีสำหรับกันชื้น สำหรับใช้ในห้องครัวหรือห้องน้ำ

2. ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement Board)

ข้อดี

  • ทนชื้น ทนปลวก ไม่บวม ไม่ยืด

  • ใช้ได้ทั้งภายใน–ภายนอกอาคาร

  • อายุการใช้งานนาน ไม่เปราะง่าย

ข้อเสีย

  • พื้นผิวแข็ง ขึ้นสีหรือเก็บรอยต่อยากกว่ายิปซัม

  • ช่างต้องมีฝีมือในการติดตั้ง

ราคาโดยประมาณ (รวมค่าแรง) 300 – 500 บาท/ตร.ม.
เหมาะกับ ห้องน้ำ, ห้องครัว, ชายคาบ้าน, พื้นที่ภายนอก

3. ฝ้าหลุม / ฝ้าเล่นระดับ (Drop Ceiling)

าหลุม ฝ้าเล่นระดับ (Drop Ceiling)

แท้จริงแล้วก็คือฝ้ายิปซัมนั่นล่ะ แต่แค่เราต้องการเล่นระดับหรือเพิ่มความสวยงามให้ตัวบ้านนั่นเอง

ข้อดี

  • เพิ่มมิติและความหรูหราให้บ้าน

  • เหมาะกับการติดไฟซ่อนแสง เพิ่มความสว่างแบบซอฟต์

  • กันความร้อนได้ดี หากติดตั้งฉนวนร่วมด้วย

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่าฝ้าทั่วไป

  • ต้องใช้พื้นที่ฝ้ามาก ทำให้เพดานต่ำลงเล็กน้อย

  • ช่างติดตั้งต้องชำนาญ

ราคาโดยประมาณ (รวมค่าแรง) 450 – 700 บาท/ตร.ม.
เหมาะกับ ห้องรับแขก โถงบ้าน บ้านสไตล์โมเดิร์นหรูลักชัวรี่

4. ฝ้าทีบาร์ (T-Bar Ceiling)

  • ข้อดี

    • ถอดเปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ง่าย เหมาะกับบ้านที่ต้องเข้าซ่อมระบบไฟ/น้ำบ่อย

    • ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย

    • วัสดุหลากหลายให้เลือก ทั้งแบบเรียบ แบบลาย

    ข้อเสีย

    • รูปลักษณ์ดูเป็นสำนักงาน ไม่หรูหรา

    • ไม่เหมาะกับบ้านที่ต้องการความเรียบหรู

    ราคาโดยประมาณ (รวมค่าแรง) 200 – 350 บาท/ตร.ม.
    เหมาะกับ ห้องเก็บของ ห้องทำงาน ห้องซักรีด โฮมออฟฟิศ

5. ฝ้าไม้ / ฝ้าไม้เทียม WPC

ข้อดี

  • ให้บรรยากาศอบอุ่น สวยแบบธรรมชาติ

  • ทนแดด ทนฝน ถ้าใช้ไม้เทียมคุณภาพดี

  • เหมาะกับบ้านสไตล์รีสอร์ต บ้านโมเดิร์น บ้านสวน

ข้อเสีย

  • ไม้จริงราคาแพง ต้องดูแลรักษาสม่ำเสมอ

  • ไม้เทียมเกรดต่ำสีซีดเร็ว

ราคาโดยประมาณ (รวมค่าแรง): 300 – 2500 บาท/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับวัสดุ
เหมาะกับ: ระเบียง, ชายคา, ห้องโถง, บ้านพักตากอากาศ

วิธีเลือกฝ้าเพดานให้เหมาะกับแต่ละห้อง

  • ห้องนอน/ห้องรับแขก: ฝ้ายิปซัม หรือฝ้าหลุม

  • ห้องน้ำ/ห้องครัว: ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ (ทนชื้นได้ดี) หรือ ฝ้ายิปซัมชนิดทนชื้น

  • พื้นที่นอกบ้าน/ชายคา: ฝ้าไม้เทียม หรือไฟเบอร์ซีเมนต์

  • โถงใหญ่: ฝ้าหลุม + ไฟซ่อนแสง

  • ห้องเอนกประสงค์/สำนักทำงาน: ฝ้าทีบาร์ ประหยัดและดูแลง่าย

แนะนำให้ปรึกษาผู้รับเหมา หรือบริษัทรับสร้างบ้านก่อนเลือกฝ้า เพื่อให้เหมาะกับโครงสร้างของบ้านคุณ

ฝ้าเพดานไม่ได้มีดีแค่สวย แต่ช่วยกันร้อนได้ด้วย!

หากบ้านคุณอยู่ชั้นบน หรือมีโถงสูงติดหลังคาโดยตรง การเลือกฝ้าที่ สามารถกันความร้อนได้ดี จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้นอย่างรู้สึกได้

เทคนิค

  • เสริม ฉนวน PE Foam, PU Foam หรือแผ่นสะท้อนความร้อน ไว้เหนือฝ้า

  • ใช้ฝ้าที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อน เช่น ฝ้าไฟเบอร์ซีเมนต์ + ฉนวน

  • ลดอุณหภูมิได้ 2–5°C และช่วยประหยัดค่าไฟเครื่องปรับอากาศได้มาก

สรุป เลือกฝ้าถูกบ้าน อยู่สบาย ไม่ต้องรื้อให้เสียเงินซ้ำ

ฝ้าเพดานไม่ใช่แค่เรื่อง “หน้าตา” แต่ยังเป็นเรื่องของ
ฟังก์ชัน ความคงทน และ “การใช้งานในระยะยาว”

หากคุณเลือกผิดตั้งแต่ต้น เช่น เอาฝ้ายิปซัมไปใช้ในห้องน้ำ อาจต้องรื้อทั้งแผง ซ่อมใหม่ และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็น
เพราะฉะนั้น…อย่าลืมวางแผนเรื่องฝ้าเพดานให้ดี เลือกให้เหมาะกับการใช้งานจริงในแต่ละห้อง แล้วบ้านของคุณจะสวยและอยู่สบายไปอีกนานเลยครับ

ถ้าไม่อยากคิดเองและไม่มีเวลาว่างมาดูหน้างานใช้บริการเราได้เลยครับ บริการรับเหมาก่อสร้าง

บ้านโมเดิร์น ดีไซน์สมัยใหม่ที่ขัดใจฮวงจุ้ย?

บ้านโมเดิร์นกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย ใช้เส้นตรง โทนสีโมโนโครม และวัสดุทันสมัย แต่เคยสงสัยไหมว่า บ้านโมเดิร์นขัดกับหลักฮวงจุ้ยหรือเปล่า? เพราะบางครั้งรูปทรงของบ้านที่ดูทันสมัย อาจส่งผลต่อพลังงานชีวิต หรือทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้เรามาเจาะลึกกันว่าจริง ๆ แล้วบ้านโมเดิร์นกับฮวงจุ้ยเข้ากันได้ไหม และมีวิธีไหนช่วยปรับให้บ้านสวยและถูกหลักไปพร้อมกัน

บ้านโมเดิร์นคืออะไร และทำไมคนถึงนิยม?

บ้านโมเดิร์น คือ บ้านที่ออกแบบโดยเน้นความเรียบง่าย ใช้เส้นสายคมชัด มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน โดยตัดทอนรายละเอียดที่ซับซ้อนออกไป จุดเด่นของบ้านสไตล์นี้คือ ความโปร่ง โล่ง และใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ซึ่งทำให้บ้านดูกว้างขึ้น และเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย แต่คำถามที่ตามมาคือ บ้านสไตล์นี้เข้ากับหลักฮวงจุ้ยหรือไม่?

ทำไมบ้านโมเดิร์นถึงอาจขัดหลักฮวงจุ้ย?

1. เส้นสายแข็งเกินไป

  • บ้านโมเดิร์นมักใช้เส้นตรงและมุมแหลม ซึ่งในหลักฮวงจุ้ยอาจทำให้พลังงานชี่ไหลเวียนไม่ดี และทำให้บ้านดูแข็งกระด้างเกินไป

  • ควรเพิ่มองค์ประกอบที่ช่วยลดความแข็งของเส้น เช่น เฟอร์นิเจอร์ทรงโค้ง หรือเพิ่มต้นไม้บริเวณมุมบ้าน

2. โทนสีโมโนโครม อาจทำให้ขาดพลังงาน

  • บ้านโมเดิร์นมักใช้โทนสีขาว เทา ดำ ซึ่งเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ แต่ถ้ามีมากเกินไปอาจทำให้บ้านดูนิ่งและขาดพลังงานชีวิต

  • แนะนำให้เพิ่มสีสันจาก ธาตุต่าง ๆ ในฮวงจุ้ย เช่น การเพิ่มไม้ตกแต่ง (ธาตุไม้) หรือการใช้โทนสีอุ่นเพื่อปรับสมดุลพลังงาน

3. การใช้กระจกมากเกินไป

  • บ้านโมเดิร์นมักมีกระจกบานใหญ่เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ แต่ตามฮวงจุ้ย ถ้าใช้กระจกมากเกินไป อาจทำให้พลังงานไหลออกจากบ้านเร็วเกินไป

  • ทางแก้คือ ติดผ้าม่านโปร่ง หรือลดการใช้กระจกในตำแหน่งที่สะท้อนประตูหรือเตียงนอนโดยตรง

4. การจัดวางประตูและหน้าต่างที่ไม่สมดุล

  • บ้านโมเดิร์นบางหลังออกแบบให้มีหน้าต่างและประตูขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พลังงานภายในบ้านไม่สมดุล

  • ควรปรับการจัดวางให้เหมาะสม เช่น ประตูบ้านไม่ควรตรงกับประตูหลังบ้าน เพื่อป้องกันพลังงานดีไหลออกไปหมด

วิธีปรับบ้านโมเดิร์นให้ถูกหลักฮวงจุ้ย

  • เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือพืชสีเขียว เพื่อลดความแข็งของเส้นสายและเพิ่มพลังงานบวก
  • เพิ่มแสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม โดยไม่ให้แสงสว่างเกินไปหรือมืดเกินไป
  • ใช้ธาตุทั้ง 5 ให้สมดุล เช่น การเพิ่มธาตุน้ำด้วยน้ำพุเล็ก ๆ หรือใช้ธาตุไม้จากเฟอร์นิเจอร์
  • ตกแต่งบ้านด้วยของมงคล เช่น กระจกแปดเหลี่ยมหรือภาพศิลปะที่สื่อถึงความมั่งคั่ง
  • ดูทิศทางลมและการไหลเวียนของพลังงาน เพื่อให้บ้านอยู่สบายและเสริมพลังด้านบวก

สรุป – บ้านโมเดิร์นต้องปรับฮวงจุ้ยไหม?

บ้านโมเดิร์นไม่ได้ขัดกับฮวงจุ้ยเสมอไป แต่บางจุดอาจต้องมีการปรับแก้ให้เหมาะสม บ้านสไตล์นี้มีข้อดีคือความทันสมัย ใช้งานสะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ หากต้องการให้บ้านโมเดิร์นเข้ากับหลักฮวงจุ้ย สามารถใช้วิธีปรับแต่งเล็กน้อย เช่น เพิ่มองค์ประกอบธรรมชาติ จัดสมดุลของธาตุต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการออกแบบที่ทำให้พลังงานไหลเวียนไม่ดี

หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านโมเดิร์น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการรับสร้างบ้านโมเดิร์น

บ้านชั้นเดียวดีจริงหรือแค่กระแส? รู้ก่อนตัดสินใจสร้างหรือซื้อบ้าน

ช่วงนี้เทรนด์ บ้านชั้นเดียว มาแรงมาก! ไม่ว่าจะเปิดหมู่บ้านใหม่ หรือสร้างบ้านเอง หลายคนเลือกบ้านชั้นเดียวมากกว่าบ้านสองชั้น แล้วมันดียังไง? สร้างบ้านทั้งทีจะเลือกบ้านแบบไหนดี? วันนี้มาดูกันว่าบ้านชั้นเดียวมีดีอะไรถึงครองใจคนไทยได้ขนาดนี้ และมีอะไรที่ต้องระวังก่อนตัดสินใจสร้างบ้านแบบนี้ครับ

บ้านชั้นเดียวคืออะไร และทำไมคนไทยถึงเริ่มอยากได้

บ้านชั้นเดียวก็ตามชื่อเลย คือ บ้านที่มีแค่ชั้นเดียว ไม่มีบันไดขึ้นชั้นสอง ทุกอย่างอยู่ในระดับเดียวกัน เดินง่าย ใช้งานสะดวก โดยเฉพาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือแม้แต่เจ้าของบ้านที่ไม่อยากเดินขึ้น-ลงบันไดให้เมื่อย บ้านชั้นเดียวเลยกลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้ดี ที่สำคัญเหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก

ข้อดีของบ้านชั้นเดียวที่หลายคนมองหา

ใช้งานสะดวก เหมาะกับทุกวัย

  • ไม่มีบันไดให้ต้องปีนขึ้นลง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

  • ออกแบบพื้นที่ได้ง่าย ทุกห้องเชื่อมถึงกันได้

  • ต่อเติมง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างรองรับน้ำหนักของชั้นบน

ประหยัดงบประมาณก่อสร้าง (นิดหน่อย)

  • ค่าก่อสร้างถูกกว่าบ้านสองชั้น เพราะไม่ต้องทำโครงสร้างรองรับชั้นบน

  • บำรุงรักษาง่าย เช่น ทาสีภายนอกอาคาร , หลังคาเสื่อมสภาพ สามารถทำได้อย่างปลอดภัยกว่าบ้านสองชั้น

  • ออกแบบให้ประหยัดพลังงานได้ง่าย เช่น ทำให้บ้านโปร่งลมถ่ายเทดี ช่วยลดค่าไฟ

ข้ากับสภาพอากาศของไทย

  • ทำหลังคาสูงได้ง่าย ช่วยลดความร้อนสะสมภายในบ้าน

  • ออกแบบช่องหน้าต่างให้รับลมธรรมชาติ บ้านเย็นขึ้น ไม่ต้องเปิดแอร์ทั้งวัน

  • เชื่อมต่อกับสวน หรือ จุดต่างๆได้ง่าย เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน

เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย

  • ไลฟ์สไตล์มินิมอล เน้นพื้นที่คุ้มค่า ไม่ใหญ่เกินความจำเป็น

  • ดูแลทำความสะอาดง่าย ไม่มีบันไดให้วุ่นวาย

  • เป็นบ้านที่เหมาะกับการเกษียณ ไม่ต้องกังวลเรื่องขึ้นลงบันได

บ้านชั้นเดียวมีข้อเสียไหม?

บ้านชั้นเดียวก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป มาดูข้อเสียที่ต้องคิดก่อนตัดสินใจสร้าง

  • กินพื้นที่ดินเยอะกว่าบ้านสองชั้น ถ้าต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะ บ้านชั้นเดียวอาจต้องใช้ที่ดินมากกว่าบ้านสองชั้น และอาจแพงกว่าเยอะ 
    เพราะเหมือนเราเอาพื้นที่ ชั้น 2 มาวางต่อจาก ชั้น 1 นั่นเองครับ จึงทำให้ต้องใช้พื้นที่และฐานรากเยอะมากขึ้น

  • ความเป็นส่วนตัวอาจน้อยลง ห้องต่าง ๆ อยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าไม่มีการจัดวางที่ดี อาจไม่มีพื้นที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน

  • เสี่ยงต่อความร้อนสะสม ถ้าออกแบบไม่ดี อาจทำให้ร้อนกว่าบ้านสองชั้น เพราะหลังคาอยู่ใกล้กับตัวบ้านมากขึ้น ถ้ามีการระบายอากาศที่ดี ออกแบบได้ตรงโจทย์ ปัญหานี้จะหมดไป

บ้านชั้นเดียวแบบไหนที่ได้รับความนิยม?

  • บ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น – ดีไซน์เรียบง่าย ใช้กระจกและพื้นที่โปร่งโล่ง ต้องออกแบบให้ดี ไม่งั้นอาจมีปัญหาด้านความร้อน

  • บ้านชั้นเดียวสไตล์รีสอร์ท – เชื่อมโยงกับธรรมชาติ มีพื้นที่สวนกว้างขวาง

  • บ้านชั้นเดียวแบบมินิมอล – เน้นการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า ตกแต่งเรียบง่าย

  • บ้านชั้นเดียวแบบทรอปิคอล – เหมาะกับอากาศร้อนชื้น ออกแบบให้ลมถ่ายเทดี บ้านทรงนี้นิยมมากในต่างจังหวัด

สรุป – บ้านชั้นเดียวตอบโจทย์ใครบ้าง?

บ้านชั้นเดียวเหมาะกับคนที่ต้องการ บ้านที่ใช้งานสะดวก ฟังก์ชั่นไม่ซับซ้อน ดูแลง่าย และเหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ คนที่ต้องการบ้านที่ประหยัดพลังงาน และคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่ต้องมีพื้นที่เยอะเกินไป อย่างไรก็ตาม ก่อนสร้างบ้านควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อเสีย เพื่อให้บ้านออกมาตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด
**แต่อย่าลืมว่าถ้าอยากได้พื้นที่หรือห้องเพิ่มขึ้นอาจมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าบ้านสองชั้นนะครับ

หากคุณกำลังวางแผนสร้างบ้านชั้นเดียว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการรับสร้างบ้าน