5 ปัญหาของคนมีบ้านที่น่าปวดหัวมากที่สุด

บ้านที่ดูเรียบร้อยจากภายนอกอาจมีปัญหากวนใจเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนอยู่ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะทุกปัญหามีวิธีแก้ไขที่ทำได้ง่าย
ลองดู 5 ปัญหายอดฮิตและวิธีจัดการต่อไปนี้

ฝ้าเพดาน มีรอยด่างเป็นวงเล็กและใหญ่

ปัญหา : มักเกิดจากรอยต่อของหลังคารั่วซึมหรือการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน และรีบหาสาเหตุให้เจอเพื่อป้องกันฝ้าถล่ม

วิธีแก้ไข

  • สังเกตรอยรั่วหรือน้ำที่ซึมตามฝ้าบ่อยๆ หรือช่วงเวลาฝนตก
  • เมื่อมีรอยรั่ว จ้างช่างที่มีประสบการณ์ให้แก้ไข พร้อมทดลองการรั่วซึม
  • ถ้าห้องมีความชื้นสูงควรใช้ฝ้าชนิดกันความชื้น

ปลวกขึ้นบ้าน

ปัญหา : อาหารของปลวกคือ ไม้ เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งภายใน จะกินจากด้านใน โดยที่เราไม่รู้ตัว และบ้านไม่ได้ฉีดน้ำยากำจัดปลวก

วิธีแก้ไข

  • ฉีดยากำจัดปลวก หรือ เดินท่อน้ำยา โดยบริษัทกำจัดปลวกที่มีความชำนาญ
  • ทำความสะอาดให้บ้านไม่มีเศษกระดาษหรือไม้ หรือสิ่งที่เป็นอาหารของปลวก
  • ถ้าบ้านไหนมีไม้เลื้อยขึ้นตามกำแพงบ้าน ควรกำจัดทิ้งทันที เพราะเป็นทางเดินให้กับปลวกได้

กลิ่นเหม็นในห้องน้ำ หรือ ท่อน้ำ

ปัญหา : ท่อน้ำอุดตันหรือระบบการระบายน้ำไม่ดี ทำให้กลิ่นตีขึ้นมาจากท่อ

วิธีแก้ไข

  • ใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชูเพื่อเทลงท่อ จากนั้นราดน้ำร้อนเพื่อละลายคราบไขมัน
  • ถ้ามีน้ำขังในห้องน้ำบ่อย อาจเกิดกลิ่นและเชื้อราได้ ถ้าพึ่งสร้างบ้านควรปูกระเบื้องไล่ระดับเพื่อให้น้ำไหลลงท่อ
  • มีเครื่องหอมดับกลิ่นหรือติดตั้งอุปกรณ์สำหรับกันกลิ่นตีขึ้นมาจากท่อ

ผนังขึ้นเป็นเชื้อราหรือคราบสีดำ

ปัญหา : เกิดจากความชื้นสะสมไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานาน

วิธีแก้ไข

  • ขัดล้างหรือสีจากผนังออกให้หมด ปล่อยไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นค่อยทาสีที่ป้องกันเชื้อราในผนัง
  • เพิ่มการระบายอากาศในห้อง เช่นติดพัดลมระบายอากาศ ควรให้ห้องมีอากาศถ่ายเท ไม่ปิดสนิท
  • สังเกตจุดต่างๆ ว่ากำแพงหรือผนังมีการรั่วซึมของน้ำหรือไม่
  • ถ้าไม่มีความชำนาญควรจ้างช่างมืออาชีพ

แอร์มีกลิ่นเหม็นอับ

ปัญหา : เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อรา ซึ่งฝังเป็นคราบอยู่ในแอร์

วิธีแก้ไข

  • ควรมีการล้างอย่างเต็มระบบทุก 6เดือน – 1ปี ต้องมีช่างที่ล้างเฉพาะทาง
  • ตรวจสอบการระบายหรือท่อน้ำทิ้งของแอร์ ว่ามีจุดไหนติดตั้งไม่ดีหรือชำรุดหรือไม่
  • มีการอุดตันของสิ่งสกปรกเป็นเวลานาน จากการล้างของช่างที่ไม่มีประสบการณ์
  • หากมีการใช้เทียนหอมหรือน้ำมันหอมระเหยอาจทำให้แอร์ตันได้ในระยะยาว เพราะจะเป็นคราบสะสมที่คอยล์เย็น

บ้านโครงการ vs บ้านสร้างเอง แบบไหนเหมาะกับคุณ?

เมื่อคิดจะมีบ้านเป็นของตัวเอง หลายคนมักลังเลระหว่าง “บ้านโครงการ” และ “บ้านสร้างเอง” ทั้งสองตัวเลือกมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป การเลือกแบบไหนขึ้นอยู่กับงบประมาณ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการส่วนตัว ลองพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

บ้านโครงการ

ข้อดี

  • สะดวกและรวดเร็ว
  • บ้านโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ไม่ต้องเสียเวลาวางแผนหรือก่อสร้างเอง
  • มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • มักมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สวนหย่อม สระว่ายน้ำ หรือระบบรักษาความปลอดภัย
  • ทำเลที่ตอบโจทย์ หรือ เลือกได้ตามที่เราชอบ
  • บ้านโครงการมักตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งงานหรือแหล่งชุมชน
  • การออกแบบมาตรฐาน ถ้าเป็นโมเดิร์นอาจมีราคาสูง
  • มีรูปแบบบ้านให้เลือกหลากหลายและผ่านการออกแบบที่เหมาะสมกับการใช้งาน
  • ง่ายต่อการขอสินเชื่อ
  • ธนาคารมักอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้นสำหรับบ้านโครงการ

ข้อเสีย

  • ตัวเลือกการปรับแต่งจำกัด
  • ขนาดที่ดินและบ้านอาจไม่ยืดหยุ่นตามความต้องการ
  • ราคาอาจสูงเมื่อเทียบกับวัสดุที่ใช้
  • บางโครงการอาจใช้วัสดุไม่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน

บ้านสร้างเอง

ข้อดี

  • สามารถออกแบบห้องได้ตามใจมากที่สุด
  • สามารถเลือกแบบบ้าน วัสดุ และฟังก์ชันต่างๆ ได้ทุกจุด
  • ควบคุมงบประมาณได้มากกว่า
  • วางแผนเลือกวัสดุหรือปรับเปลี่ยนแบบบ้านให้เหมาะสมกับงบที่ตั้งไว้
  • เลือกทำเลที่ชอบและขนาดพื้นที่ตามต้องการเช่นที่ดินขนาดใหญ่สำหรับปลูกต้นไม้
  • ช่วยเพิ่มมูลค่าในอนาคต
  • มีความส่วนตัวมากกว่า
  • ต่อเติมได้อิสระไม่ต้องขออนุญาตโครงการ

ข้อเสีย

  • กระบวนการก่อสร้างใช้เวลานาน (ถ้ารอได้ข้อนี้จะไม่เป็นปัญหา)
  • ต้องศึกษากฎหมายและขออนุญาตก่อสร้าง
  • ความเสี่ยงในการเลือกผู้รับเหมาที่ไม่มีคุณภาพ
  • ต้องใช้เวลาและความละเอียดในการดูแลโครงการ
  • ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยเหมือนบ้านโครงการ

เปรียบเทียบระหว่าง บ้านโครงการและบ้านสร้างเอง

หัวข้อ

บ้านโครงการ

บ้านสร้างเอง

ความสะดวก

พร้อมเข้าอยู่ทันที

ใช้เวลาในการสร้าง

การออกแบบ

ตัวเลือกจำกัด

ปรับแต่งได้ตามใจ

งบประมาณ

คงที่แต่ราคาสูงกว่าในบางกรณี

ยืดหยุ่นตามการเลือกวัสดุ

สิ่งอำนวยความสะดวก

มีส่วนกลางและระบบรักษาความปลอดภัย

ต้องจัดหาเพิ่มเติม หรือเพิ่มงบ

ที่ทำเล

ส่วนใหญ่ในแหล่งชุมชน

เลือกได้ตามความต้องการขึ้นอยู่กับเงิน

แบบไหนเหมาะกับเรา

  • บ้านโครงการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว สังคมภายในหมู่บ้าน และไม่อยากวุ่นวายกับการวางแผนก่อสร้าง
  • บ้านสร้างเอง เหมาะกับคนที่ต้องการบ้านในแบบที่สะท้อนตัวตน ควบคุมงบประมาณได้ และมีเวลาคอยตรวจหน้างาน ปรับแต่งได้ทุกมุม

การเลือกบ้านที่เหมาะกับคุณขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนตัว แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน การวางแผนและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก็เป็นสิ่งสำคัญ

ถ้าคุณกำลังอยากสร้างบ้าน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริการรับสร้างบ้าน

10 ข้อควรรู้ ก่อนสร้างบ้านในฝัน

ก่อนเราสร้างบ้านต้องเช็คให้ดีว่า ที่ดินตรงนี้เหมาะกับการปลูกบ้านไหม ใกล้สถานที่อะไรบ้างเช่น ห้าง โรงพยาบาล หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ บ้านควรมีฟังก์ชั่นอะไรบ้างเพื่อตอบโจทย์เราและครอบครัว วันนี้จะมาบอก 10 ข้อที่ควรรู้ก่อนสร้างบ้านในฝัน

1. เลือกทำเลที่เหมาะสม

ตรวจสอบความสะดวกในการเดินทาง ความปลอดภัย ระบบสาธารณูปโภค และแผนพัฒนาพื้นที่ในอนาคต

2. ออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

วางแผนพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะสมกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ห้องทำงาน ห้องเล่นของเด็ก หรือมุมพักผ่อน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด และไม่สิ้นเปลืองงบประมาณในภายหลัง

3. ศึกษากฏหมายและข้อกำหนดการก่อสร้างในแต่ละพื้นที่

ตรวจสอบข้อกำหนดของพื้นที่ เช่น ระยะร่นจากถนน ความสูงของอาคาร และข้อห้ามเกี่ยวกับการต่อเติม ว่าโซนนี้หรือเขตปัจจุบันที่เราอยู่สามารถสร้างที่พักอาศัยได้กี่ชั้น เป็นต้น

4. เลือกวัสดุก่อสร้างหรือตกแต่งให้เหมาะสมหรือได้มาตรฐานสากล

ใช้วัสดุที่เหมาะสมกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น หลังคาทนความร้อน วัสดุทนความชื้น หรือวัสดุกันปลวก ทางเราแนะนำว่า ควรอย่างยิ่งที่จะใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและมีเกรด เพราะถ้าเราใช้ของไม่ได้มาตรฐานในอนาคตก็อาจจะเกิดการเสื่อมหรือหลุดร่อนได้อยู่ดี

5. คิดเผื่ออนาคต

สร้างบ้านโดยคำนึงถึงการขยายครอบครัวในอนาคตหรือการใช้งานในระยะยาวเช่น ห้องสำรอง หรือ พื้นที่สำหรับใช้งานของผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งตัวเราเอง ว่ามีแฟนหรือครอบครัวต้องออกแบบห้องให้มีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง

6. ใส่ใจในเรื่องพลังงานและสิ่งแวดล้อม

ออกแบบให้มีการใช้ไฟได้น้อยที่สุดเช่น ติดตั้งฉนวนกันความร้อน มีหน้าต่างเพิ่มในกรณีที่ห้องมืดเกินไป ให้โอกาสผ่านได้มากที่สุดหรือติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ ในอนาคตก็จะประหยัดไฟได้มากขึ้น อย่างบ้านของผมเองก็มีหน้าต่างบานใหญ่ เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาในตัวบ้าน

7. วางแผนระบบไฟฟ้าและประปา

วางระบบไฟฟ้าและประปาให้ปลอดภัย และครอบคลุมการใช้งานเช่น ติดตั้งปลั๊กไฟในจุดที่ใช้งานบ่อย หรือจุดที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เลือกใช้หลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน มอก. เท่านั้น

8. ตรวจสอบงานก่อสร้างให้ละเอียดก่อนรับบ้าน

ก่อสร้างทั้งทีเราควรมีเวลาตรวจงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การสร้างบ้านเป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ หรือ ปรับ/แก้ไข ในจุดที่เราต้องการได้ทันเวลาในกรณีที่เจ้าของบ้านเกิดเปลี่ยนใจกระทันหันในบางจุด แต่ต้องอยู่ในความดูแลของวิศวกรนะครับ เพื่อความปลอดภัย

9. เดินท่อหรือมีการฉีดน้ำยา กำจัดปลวก

บ้านสมัยนี้มีการ ตกแต่งภายใน การกำจัดปลวก คือสิ่งที่หลายคนมองข้าม ควรหาบริษัทที่เชี่ยวชาญ เพื่อเดินท่อกำจัดปลวกตั้งแต่งานโครงสร้าง ถ้าเดินท่อไม่ทันเราสามารถพ่นตามขอบเขตบ้านได้ หรือเจาะเพิ่มแต่ก็จะมีตำหนิตรงพื้นบ้านนิดหน่อยนะ

10. เลือกผู้รับเหมาหรือบริษัทที่เชื่อถือได้

ก่อนจะให้ใครมา สร้างบ้าน ของเราควรดูผลงาน ความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมา รวมถึงการเซ็นสัญญารายละเอียดต่างๆ ไม่ควรรับงานปากเปล่า ควรมีสัญญาจ้างชัดเจนแม้ว่านั่นจะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจก็ตาม ทุกการจ่ายเงินจะต้องเป็นตามงวดงานที่เซ็นสัญญาไว้เท่านั้น ยกเว้นจะมีการเพิ่มงานของลูกค้าหรือแจ้งรายละเอียดเป็นเอกสารเท่านั้น

สรุป

การสร้างบ้านควรดูหลายๆปัจจัยและองค์ประกอบ ที่ดินที่เราอยู่สิ่งแวดล้อมเป็นแบบไหน ทิศของแสงเข้าทางไหนบ้าง เพื่อให้การออกแบบบ้านตอบโจทย์เรามากที่สุด ควรวางแผนให้ดีแล้วเราจะได้ไม่เสียใจหรือแอบคิดมากในภายหลัง สิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ควรเลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือมากที่สุด

House Thonglor

(ดำเนินการเสร็จสิ้น)

โครงการบ้าน 4 ชั้นครึ่ง ย่านใจกลางเมือง

บ้านหลังนี้ถูกออกแบบมาอย่างตั้งใจ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกบ้าน เริ่มต้นด้วยห้องนั่งเล่นที่โปร่งโล่ง พร้อมกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เหมาะสำหรับการแฮงเอาท์กับเพื่อนหรือครอบครัว ห้องครัวเป็นสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งาน และพื้นที่รับประทานขนาดใหญ่พร้อมรองรับแขก นอกจากนี้ยังมีมุมพักผ่อนที่ออกแบบให้เชื่อมต่อกับธรรมชาติ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยเติมเต็มความสุขในทุกวัน บ้านหลังนี้จึงไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนและความสุขในแบบของลูกบ้าน

พื้นที่
3,500 ตรม.
งบประมาณ
38.5 ล้าน
ก่อสร้างเสร็จ
พ.ศ. 2563

9 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสร้างบ้าน

คำถามที่พบบ่อยเวลาจะก่อสร้างบ้าน ต้องเตรียมตัวยังไง ก่อสร้างนานไหม เลือกผู้รับเหมายังไงไม่ให้โดนโกง วันนี้เรามีคำตอบสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง

ควรเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่ ?

  • ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน วัสดุ และพื้นที่ก่อสร้าง ควรมีงบสำรองประมาณ 10-20% ของงบประมาณทั้งหมดเผื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่น
    เรามีงบในการสร้างบ้าน 5 ล้านบาท ควรเตรียมไว้เผื่ออีก 1 ล้าน เป็นจำนวน 6 ล้านบาท ส่วนใหญ่เรามักจะเจองบบานปลาย เช่นลูกค้าอยากได้จุดนี้จุดนั้นเพิ่มเติมจากแปลนที่มีอยู่แล้ว

ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ก่อนที่เราจะก่อสร้าง ?

  • โฉนดที่ดิน , แปลนบ้าน , ใบอนุญาตก่อสร้าง (ต้องยื่นขอจากสำนักงานเขตหรือเทศบาลจังหวัด)

ใช้เวลาในการก่อสร้างนานแค่ไหน ?

  • ปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 6 – 12 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้านและความซับซ้อนของตัวบ้านที่สถาปนิกออกแบบให้เรา

วัสดุก่อสร้าง ควรประหยัดงบตรงไหนดี ?

  • การลดค่าใช้จ่ายนั้น เราสามารถปรึกษากับผู้รับเหมาและผู้ออกแบบของเราได้ ว่ามีส่วนไหนที่ลดค่าใช้จ่ายได้บ้าง แล้วปลอดภัยหรือมีผลต่อโครงสร้างของบ้านมากน้อยแค่ไหน

จำเป็นต้องมีวิศวกรหรือสถาปนิกหรือไม่ ?

  • จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านมักมองข้าม เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่แลกมาด้วยความปลอดภัยของโครงสร้างและการเงินเพราะ วิศวกร สถาปนิก มีหน้าที่คอยเช็คและเคลียแบบกับผู้รับเหมาว่า จุดนี้ผู้รับเหมาทำถูกต้องไหม ความสูงได้ตรงตามแบบไหม และถ้าเราไม่จ้างแต่เจอผู้รับเหมาที่ดีและมีความรู้ ก็ถือว่าได้กำไรและโชคดีนะครับ

    **ทางผมแนะนำว่าถ้าเป็นบ้านขนาดใหญ่หรือมีงบเพียงพอ การจ้างวิศวกรและสถาปนิกจำเป็นมากในการก่อสร้าง

สามารถปรับเปลี่ยนระหว่างการก่อสร้างได้ไหม ?

  • สามารถทำได้หรืออาจจะได้แค่บางจุด และถ้าเกี่ยวกับโครงสร้างต้องมีวิศวกรคอยแนะนำด้วย และเจ้าของบ้านควรรีบแจ้งผู้รับเหมาตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้ให้ไม่มีทุบทิ้งหรือแก้ไขในหน้างาน และจะทำให้ไม่เกิดความล่าช้า

รับประกันโครงสร้างนานเท่าไหร่ ?

  • ขึ้นอยู่กับบริษัทและผู้รับเหมาแต่ละเจ้าว่ามีการรับประกันกี่ปี ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 1-10 ปี และต้องมีใบสัญญาหรือใบรับประกันให้อย่างครบถ้วน ซึ่งทาง Panlerd Construction ให้บริการมากถึง 15 ปี

ไม่อยากเจอผู้รับเหมาโกง ทิ้งงาน ต้องสังเกตอะไรบ้าง ?

  • เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์หรือรีวิวที่ดี , มีสัญญาการจ้างระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน , เราสามารถจ่ายเงินตามงวดงานได้ ไม่มีการเบิกมั่วหรืออยู่ดีๆ มีค่าใช้จ่ายแฝง ซึ่งถ้ามี ผู้รับเหมาควรแจกแจงค่าใช้จ่ายให้เจ้าของบ้านอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา

ก่อนส่งมอบบ้านต้องตรวจจุดไหนสำคัญสุด ?

  • ถ้าบอกว่าจุดไหนสำคัญสุดคงไม่พ้น โครงสร้าง ให้สังเกตว่า เพดาน กำแพง มีรอยร้าวหรือไม่ ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ได้มาตรฐานหรือไม่
    ซึ่งเราจำเป็นต้องตรวจบ้านให้ละเอียดก่อนรับบ้าน ซึ่งสามารถจ้างบริษัทรับตรวจบ้านที่มีประสบการณ์ได้ทันที ผู้รับเหมาต้องแก้ไขให้เรา เพื่อให้ได้มาตรฐานและความปลอดภัย (สำหรับลูกค้าที่สร้างบ้านกับผม จะมีแพคเกจตรวจบ้านก่อนส่งงานอยู่แล้ว)

กำลังมองหาบริษัทรับสร้างบ้านใช่ไหม ? Panlerd Construction เราเป็นบริษัทรับสร้างบ้านที่จะตอบโจทย์คุณมากที่สุด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริการรับสร้างบ้าน

ข้อดี-ข้อเสีย ของ อิฐมวลเบา VS อิฐแดง

กำลังสร้างบ้านแต่สงสัยว่าอิฐมวลเบาและอิฐแดงต่างกันยังไง เป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัยกันมากที่สุด
บทความนี้เราจะมาบอกคุณสมบัติของอิฐที่ผู้รับเหมาใช้กันมากที่สุด

อิฐมวลเบาเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?

อิฐมวลเบา เหมาะกับการใช้งานโซนที่ไม่ได้รับความชื้นโดยตรงเช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องรับแขก และวิธีก่อฉาบจำเป็นต้องใช้วัสดุเฉพาะเกี่ยวกับอิฐมวลเมาเท่านั้นเช่น พุกที่ใช้ในการยึดหรือเจาะ ปูนสำหรับก่ออิฐมวลเบา เป็นต้น

ข้อดีของ อิฐมวลเบา

  • มีน้ำหนักเบากว่าชนิดอื่นๆ ประหยัดระยะเวลาในการก่อสร้าง

  • สามารถกันไฟได้นานถึง 4 ชั่วโมง

  • เก็บเสียงได้มากถึง 35-38 เดซิเบล (น้อยกว่าอิฐมอญ 5-8 เดซิเบล)

  • ระบายความร้อนได้ดี เพราะตัวอิฐมวลเบา มีโครงสร้างที่เป็นรูอากาศจำนวนมาก

ข้อเสียของ อิฐมวลเบา

  • ไม่เหมาะกับการสร้างบริเวณที่มีความชื้นสูงเช่น ห้องน้ำ หรือจุดที่โดนความชื้นหรือน้ำบ่อยๆ เพราะโครงสร้างที่เป็นรูอากาศจึงทำให้ไม่ทนความชื้นมากนัก

  • ราคาอิฐชนิดนี้สูงกว่าชนิดอื่นๆมาก

  • ใช้ช่างที่ชำนาญและวัสดุที่ใช้สำหรับอิฐมวลเบาเท่านั้น

อิฐแดง หรือ อิฐมอญ เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง?

อิฐแดง/มอญ อิฐชนิดนี้ข้อได้เปรียบคือเหมาะกับงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตึกอาคาร บ้านที่พักอาศัย และยังสามารถทำอิฐก่อโชว์ได้เนื่องจากมีสีและผิวสัมผัสที่แตกต่าง และยังรองรับความชื้นได้ดีกว่าอิฐมวลเบา และเหมาะกับบ้านที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น

ข้อดีของ อิฐมอญ

  • มีมวลที่หนาแน่นกว่า ทนต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก

  • เก็บเสียงได้มากถึง 40-45 เดซิเบล

  • ราคาถูกกว่าอิฐชนิดอื่นๆ

  • ช่างทั่วไปสามารถก่ออิฐได้ เพราะมีความชำนาญและคุ้นเคยมากกว่า

  • รับน้ำหนักได้ 30-35 กิโลกรัม/ต่อตารางเซนติเมตร หากติดตั้งอย่างถูกวิธี

ข้อเสียของ อิฐมอญ

  • มีขนาดเล็กทำให้ใช้เวลาในการก่อสร้างค่อนข้างนาน

  • ระหว่างขนส่ง อาจทำให้แตกหักง่าย

  • สะสมความร้อนเพราะมีมวลที่หนาแน่นสูง

สรุปข้อดี-ข้อเสีย ของอิฐมวลเบาและอิฐมอญ

อิฐแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกัน ถ้าฝั่งไหนโดนแดด ผมแนะนำว่าให้ใช้อิฐมวลเบาหรือเบิ้ลผนังเป็นสองชั้น การป้องกันเสียงจะขึ้นอยู่กับขนาดของอิฐและการก่อฉาบด้วย ซึ่งบ้านสมัยนี้ มักใช้อิฐ 2 ประเภทนี้ผสมกันอยู่แล้ว แต่ถ้าปัญหาของลูกค้าคือความร้อนและเสียงด้วย ควรใช้ ฉนวนกันความร้อน ใส่เข้าไปด้วย

วิธีดูวัสดุเหล็ก ว่าได้มาตรฐานหรือไม่ (ฉบับเข้าใจง่าย)

กระทู้นี้จะมาสอนวิธีดูวัสดุโครงสร้างฉบับเข้าใจง่ายและมักจะเป็นส่วนที่ผู้รับเหมาก่อสร้างบางรายโกงในส่วนนี้มากที่สุด เพราะว่าเหล็กเกรด A (มอก.) และ เหล็กเกรด B ที่ผู้รับเหมามักแอบใช้จะมีราคาที่ค่อนข้างแตกต่างชัดเจน ผู้รับเหมาส่วนใหญ่จึงเซฟคอสเพื่อเอากำไรเพิ่มในส่วนนี้โดยไม่แจ้งเจ้าของบ้านให้ทราบและคนที่ไม่มีความรู้อย่างเรา ยังดูแทบไม่ออก

เหล็กข้ออ้อย เหล็กกล่อง จุดสังเกตของเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก.

ในการตรวจสอบว่า เหล็กข้ออ้อย เหล็กเส้น และ เหล็กกล่อง ได้มาตรฐาน TIS หรือ มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือไม่นั้น สามารถสังเกตได้จากลักษณะและข้อมูลที่กำกับบนเหล็กดังนี้

เหล็กแต่ละชนิดจะมีเลข มอก. ที่แตกต่างกันดังนี้

  • เหล็กเส้นกลม มอก. 20-2559

  • เหล็กข้ออ้อย มอก. 24-2559

  • เหล็กกล่อง มอก. 107-2533 (สำหรับเหล็กกล่องสี่เหลี่ยม)

  • มอก. 1228-2549 (สำหรับเหล็กกล่องสี่เหลี่ยมแบน)

ตราสัญลักษณ์ มอก. บนเหล็ก (โดยจะมีตราประทับเป็นผิวนูนบนเหล็ก)

  • เหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. จะต้องมีตราสัญลักษณ์ มอก. กำกับอย่างชัดเจนบนตัวเหล็กด้านใดด้านหนึ่ง

  • เลขมาตรฐาน มอก. จะระบุอยู่ในรูปแบบเช่น “มอก. 20-2559” ซึ่งหมายถึงประเภทและปีที่มาตรฐานนั้นได้รับการอัปเดต เช่น

รหัสการผลิตและข้อมูลจากโรงงานบนตัวเหล็ก

  • เหล็กที่ได้มาตรฐานจะต้องมีรหัสการผลิตหรือชื่อโรงงานกำกับไว้เพื่อยืนยันแหล่งผลิตที่ได้รับการรับรองจากสมอ.
    (สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

  • โรงงานที่ได้รับอนุญาตมักจะระบุรายละเอียดเช่น วันเดือนปีที่ผลิต ขนาดของเหล็ก เช่น SD40 หรือ SD50 สำหรับเหล็กเส้น

น้ำหนักและขนาดของเหล็ก

  • เหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. จะมีขนาดและน้ำหนักตรงตามที่กำหนด เช่น เส้นผ่านศูนย์กลาง ความหนา หรือความยาวของเหล็ก โดยควรมีน้ำหนักตามสเปกมาตรฐานที่ มอก. กำหนด เช่น เหล็กเส้นขนาด 10 มม. ควรมีน้ำหนักประมาณ 0.62 กิโลกรัมต่อเมตร

การตรวจสอบทั้งหมดนี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้รับเหมามีความเป็นมืออาชีพ และเหล็กที่ใช้มีมาตรฐานและคุณภาพเหมาะสมสำหรับการก่อสร้าง

เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานหรือ เหล็กเกรดB ต่างกับเหล็ก มอก. อย่างไร

คุณภาพและมาตรฐานการผลิต

  • ทำให้คุณภาพไม่สม่ำเสมอเหมือนเหล็ก มอก. เช่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอาจไม่ได้มาตรฐาน ความแข็งแรงต่ำกว่ากำหนด หรือมีรอยสนิมและน้ำหนักที่ไม่ผ่านผ่านเกณฑ์ จึงไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง

ความแข็งแรงและความปลอดภัย

  • มีความแข็งแรงและความทนทานต่ำกว่า จึงมักใช้ในงานรองหรืองานที่ไม่รับน้ำหนักมาก เช่น งานตกแต่งเล็ก ๆ หรืองานที่ไม่ต้องรับแรงโครงสร้างโดยตรง

ราคา

  • ราคาถูกกว่า เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่เข้มงวดหรือไม่ผ่านเกณฑ์ของโรงงาน เท่าเหล็กที่ได้มาตรฐาน มอก. หรือ เป็นเหล็กตกเกรด ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. นั่นเอง จึงถูกแปลงเพื่อมาเป็นเหล็กเกรด B

สรุปวิธีดูคุณภาพของเหล็ก

เหล็กเกรด B ก็ยังสามารถใช้งานได้แต่ไม่เหมาะกับงานที่มีโครงสร้างที่ใหญ่และความแข็งแรงมากนัก ยกเว้นเจ้าของบ้านจะประหยัดเงิน แต่ก็ต้องอยู่ในความดูแลของวิศวกรเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและการรับน้ำหนักของตัวบ้านอีกที 

ใครที่สร้างบ้านกับ Panlerd Construction มั่นใจและตรวจสอบได้เลยว่า เหล็กทุกเส้นที่ใช้ต้องผ่าน มอก. เท่านั้น
เพื่อให้ลูกค้าสบายใจว่า บ้านจะได้โครงสร้างที่มีความปลอดภัยแข็งแรงและได้มาตรฐาน ถ้ามือใหม่อยากสร้างบ้านแต่กลัวโดนผู้รับเหมาเอาเปรียบให้ตามไปอ่านได้ที่นี่เลย วิธีเตรียมตัวก่อน สร้างบ้าน

จำหน่ายเครื่องมือช่าง

เครื่องมือช่างของเราแตกต่างจากที่อื่นยังไง ?

เราจำหน่ายเครื่องมือช่างคุณภาพดี เครื่องมือช่างและอุปกรณ์ทุกชนิดได้ผ่านการทดสอบคุณภาพจากเราทุกชิ้น โดยการนำไปใช้งานจริงว่ามีความปลอดภัยและทนทานจริงหรือไม่ จากนั้นเราจึงค่อยนำมาขายให้กับลูกค้าทาง Panlerd Construction จะไม่นำสินค้าไร้คุณภาพมาจำหน่ายให้กับลูกค้าเป็นอันขาด

คลิกภาพเพื่อไปยังสินค้าต่างๆในร้าน Shopee ของเรา